การเติบโตแบบฉุดไม่อยู่ของรัฐทมิฬนาฑู

ด้านโลจิสติกส์ทมิฬนาฑูก็มีความโดดเด่น ด้วยมีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองเจนไน ซึ่งมีปริมาณการขนส่งสินค้าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี และยังเป็นที่รวมศาสนสถานสำคัญซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกถึง 8 แห่งในรัฐเดียว
ความหลากหลายภายใต้รัฐทมิฬนาฑู ชวนให้ย้อนกลับไปดูความเป็นมาแต่หนหลัง เหตุที่รัฐนี้รวมเอาไว้ซึ่งศักยภาพในการก้าวหน้า พร้อมมรดกโลกอันเก่าแก่ไว้ด้วยกันก็เพราะบริเวณนี้เป็นที่อยู่ของชาวดราวิเดียนมาแต่ดั้งเดิม ก่อนที่ชนเผ่าอารยันจะอพยพเข้ามายึดครองและตั้งถิ่นฐานในช่วงประมาณ 1,500 ปี ก่อนคริสตศตวรรษ ภาษาทมิฬซึ่งเป็นภาษาประจำรัฐก็จัดอยู่ในตระกูลภาษาอันเก่าแก่ที่ใช้สื่อสารกันมากว่า 2,500 ปี
รัฐทมิฬนาฑูมีพรมแดนชนกับอาณาเขตรัฐเพื่อนบ้าน 3 รัฐ ทางทิศตะวันตกติดกับรัฐเกรละ ทิศเหนือติดกับรัฐกรณาฎกะ และรัฐอันธรประเทศ ส่วนด้านตะวันออกและใต้ของทมิฬนาฑูนั้นเป็นพื้นที่ชายฝั่ง โดยมีระยะทางรวมทั้งหมดนับจากด้านบนสุดของรัฐ ซึ่งหันออกสู่อ่าวเบงกอล ลงไปจนจรดด้านใต้สุดที่ Kanyakumari ซึ่งเป็นจุดบรรจบของทะเลคาริบเบียนกับมหาสมุทรอินเดีย รวมระยะทาง 910 กิโลเมตร นับเป็นพื้นที่ชายฝั่งที่ยาวเป็นอันดับ 3 ของประเทศอินเดีย (อันดับ 1 คือรัฐคุชราต อันดับ 2 คือรัฐอันธรประเทศ) โดยหาดมารีน่าบีชซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดของอินเดีย มีความยาว 13 กิโลเมตร ก็อยู่ที่เมืองเจนไน ข้อได้เปรียบด้านพื้นที่ชายฝั่งนี้เอง ส่งผลให้รัฐทมิฬนาฑูติดอันดับ 1 ด้านการส่งออกอาหารทะเลมาตั้งแต่ปี 2547 โดยมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รัฐทมิฬนาฑูมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 11 ของประเทศอินเดียด้วยพื้นที่ 130,058 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทยราว 4 เท่า แต่มีประชากรกว่า 72 ล้านคนซึ่งหนาแน่นเป็นอันดับ 7 ของประเทศ แค่ดูจากตัวเลขประชากรแล้ว หากสามารถเจาะตลาดทมิฬนาฑูได้แค่รัฐเดียว ก็เท่ากับมีตลาดที่ใหญ่ขนาดเมืองไทยทีเดียว เฉพาะเมืองเจนไน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐนี้ก็มีประชากรทั้งที่มีสำมะโนครัว และที่เข้ามาทำงาน รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคน
แม้รัฐนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจเฟื่องฟูอยู่ในอันดับ 2 ของอินเดีย มีรายได้เฉลี่ยต่อบุคคลอยู่ที่ 98,550 รูปีต่อปี แต่ก็มีปัญหาความยากจนที่รัฐยังเร่งแก้ไข ขณะที่คนเมืองเดินห้างหรู ออกไปกินอาหารนอกบ้านกันทุกสัปดาห์ แต่ยังมีคนในชนบทที่จนมากๆ มีรายได้แค่เดือนละ 351 รูปี หรือราวๆ 150 บาท เท่านั้น
แน่นอนว่ารัฐบาลของรัฐทมิฬนาฑู มิได้เพิกเฉยต่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน ภายใต้การนำของ J.Jayalalithaa ซึ่งได้รับเลือกเข้ามาบริหารรัฐทมิฬนาฑูในฐานะมุขมนตรี เป็นสมัยที่ 3 ได้ประกาศนโยบาย Tamil Nadu Vision 2023 ที่มุ่งผลักดันให้รัฐทมิฬนาฑูติดอันดับ TOP5 ของโลก ด้านอุตสาหกรรมผลิตและประกอบรถยนต์ ให้สมกับที่เป็น “ดีทรอยท์แห่งเอเชีย”
ความฝันนี้มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะทุกวันนี้ รถยนต์ยี่ห้อดังจากทุกมุมโลก ขนมาตั้งฐานการผลิตที่รัฐทมิฬนาฑู แต่อินเดียก็ไม่ได้นั่งดูเพื่อน
เฉยๆ หากตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาด และตอบสนองระดับความสามารถในการครอบครองของคนอินเดีย ซึ่งแน่นอนว่า รถยนต์ยี่ห้อ Mahindra & Mahindra, Ashok Leyland, Hindustan Motors, TVS Motors, Irizar-TVS, Royal Enfield, MRF, Apollo Tyres, TAFE Tractors มีโรงงานผลิตในรัฐทมิฬนาฑูเช่นเดียวกัน

นอกจากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์แล้ว นโยบายTamil Nadu Vision 2023 ยังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ รวมถึงการพัฒนาพลังงานสะอาดเพื่อเป็นทางเลือกที่ยืนยาว ทุกวันนี้ปัญหาไฟดับไม่เว้นวัน อันเนื่องมาจากการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า เปิดโอกาสให้รัฐมองหาทางเลือกสำรองทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำ โรงงานไฟฟ้าพลังลม และโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งรัฐสนใจร่วมผลิตตั้งแต่หน่วยใหญ่ไปจนถึงระดับครัวเรือนที่สามารถไปติดตั้งบนหลังคาบ้าน ความต้องการด้านพลังงานจึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยควรพิจารณา
เทคโนโลยีด้านการสื่อสารสารสนเทศ หรือ IT ที่เมืองเจนไนไม่ได้น้อยหน้าบังคาลอร์ ตลอดเส้นทาง IT Corridors จึงอุดมไปด้วยบริษัทชั้นนำอย่าง Syntel, Infosys, Wipro, HCL, Tata Consultancy Services, Verizon, Hewlett-Packard, Amazon.com, eBay, Paypal, IBM, Accenture, Ramco Systems, Computer Sciences Corporation, Cognizant Technology solutions, Tech Mahindra, Polaris, Aricent, Mphasis, MindTree, Hexaware Technologies เป็นอาทิ
ในฐานะที่เห็นรัฐแถวหน้าด้าน E-Governance รัฐทมิฬนาฑูได้พัฒนาระบบการจัดเก็บภาษี การลงทะเบียนที่ดิน อาคาร สถานที่ ไปรวมอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว ทำให้การเรียกเก็บภาษี หรือดูแลเขตการปกครองซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 32 เขต หรือ 32 เมือง ทำได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาการคอร์รัปชั่นไปได้ไม่น้อย
แต่ใช่ว่ารัฐทมิฬนาฑูจะให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมหนักอย่างเดียว ในด้านเครื่องหนังและแพรพรรณ รัฐนี้ก็ไม่เป็นสองรองใคร ตำแหน่ง “เจ้าแห่งเครื่องหนัง” ต้องยกให้กับเมือง Vellore และเมืองที่อยู่รอบๆ คือ ศูนย์อุตสาหกรรมเครื่องหนังครบวงจร ซึ่งเฉพาะเมือง Vellore ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย
รัฐทมิฬนาฑูให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าประเภทเครื่องหนังเป็นอย่างยิ่ง มีการตั้งสถาบัน Central Leather Research Institute (CLRI) ที่เมืองเจนไน และยังมีสถาบัน Footwear Design & Development Institute (FDDI) ที่ Irungattukottai ใกล้กับ SIPCOT Footwear Park ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง เจนไนประมาณ 40 นาที โดยรถยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องหนังฟอกย้อมเฉพาะรัฐนี้รัฐเดียว สามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

พูดถึงแต่อุตสาหกรรม อาจจะทำให้รัฐทมิฬนาฑูกลายเป็นรัฐที่เป็นไปด้วยนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของทมิฬนาฑูทำรายได้เป็นลำดับ 2 ของประเทศอินเดีย ทั้งนี้เป็นเพราะว่าที่นี่คือศูนย์รวมเมืองโบราณขึ้นทะเบียนมรดกโลกถึง 8 แหล่ง มีชายหาดมารีน่าบีชที่ยาวที่สุดในประเทศอินเดีย มีอุทยานแห่งชาติ ป่า เขา น้ำตก ลำธาร ให้พักผ่อนหย่อนใจ หากเปรียบกับรีสอร์ทอาจจะสวยสู้บ้านเราไม่ได้ แต่ความเป็นอินเดียได้รวมเอาเสน่ห์อันหลากหลายทางวัฒนธรรมส่งเสริมให้แคมเปญ Incredible India เรียกแขกต่างชาติมาเที่ยวเมืองแขกได้ทั้งปี
นอกจากนี้ ทมิฬนาฑูยังมีข้อได้เปรียบด้านถนนหนทาง มีถนนที่เชื่อมต่อกันทั้งรัฐตั้งแต่ด้านบนสุดไปจรดด้านใต้สุด รวมแล้ว 167,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีสนามบินถึง 5 แห่ง ซึ่งไม่รวมสนามบินในเมืองเจนไน ได้แก่ Coimbatore International Airport, Tiruchirapalli International Airport ,Madurai Airport, Salem Airport และ Tuticorin Airport ไม่ว่าจะเดินทางโดยรถยนต์ รถไฟ หรือเครื่องบิน ก็สะดวกสบายด้วยกันทั้งนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย เริ่มมานานหลายร้อยปีตั้งแต่สมัยที่อาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรืองอยู่ในแดนใต้ของเมืองไทย ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการค้าขาย ขยายดินแดนในสมัยอาณาจักรโจฬะ และอาณาจักรวิชัยนคร ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ทางอินเดียตอนใต้ หรือรัฐทมิฬนาฑูในปัจจุบัน วันนี้ ทมิฬนาฑู เดินทางมาไกลมาจากอดีต และมีสิทธิ์จะพุ่งทะยานไปสู่ดวงจันทร์ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันอย่างยาวนาน คงทำให้อ่านใจกันได้ไม่ยาก รัฐทมิฬนาฑูจึงเป็นตลาดสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยควรศึกษา และติดตามข่าวสารเพื่อโอกาสทางการค้า การลงทุน
โอกาสต่อไปจะนำเรื่องราวที่น่าสนใจของแต่ละเมือง แต่ละภาคอุตสาหกรรมภายในรัฐทมิฬนาฑูมาฝากกัน
***************************
รายงานโดย นางสาวสุทธิมา เสืองาม
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน